ดูหนัง แสงกระสือ 2

ดูหนัง แสงกระสือ 2

ดูหนัง แสงกระสือ 2

ดูหนัง แสงกระสือ 2 แสงกระสือ 2 หนังภาคต่อของโศกนาฏกรรมความรักครั้งใหม่ที่โดยรวมถือว่าทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่ก็มีส่วนที่ไม่ดีเช่นกัน ตัวหนังมีวัตถุดิบที่ดีแต่ดันเกลี่ยได้ไม่สุดเท่าที่ควร ตัวบทและการเดินเรื่องชวนให้เอื่อย และมุ่งเน้นไปที่ความรักจนเกินไป จนทำให้คนดูนั้นไม่อิน แต่นักแสดงคือที่สุด ทุกคนเล่นดี แต่พี่น้อยคือ MVP ของหนังเรื่องนี้อย่างแท้จริง คะแนน 7/10

นอกจากนั้น แสงกระสือ 2 แสง กระสือ 2 ยังได้ทีมนักแสดงระดับคุณภาพเกินกว่าคุณภาพของหนังโดยแท้ นักแสดงทุกคนต่างถ่ายทอดบทบาทของตัวเองได้ดีทุกคน แต่ในเมื่อบทหนังและการเล่าเรื่องที่ไม่ส่งเสริมกันและกัน ทำให้องค์ประกอบการแสดงก็ไม่สามารถช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้ “เจเจ กฤษณภูมิ” กับ “นิ้ง ชัญญา” แสดงดีแต่กลับยังไม่โดดเด่นที่สุดแบบที่ควรจะเป็น

ในขณะที่ “น้อย กฤษดา” กับ “ปีเตอร์ นพชัย” เรียกได้ว่าเป็นนักแสดงชายตัวท็อปที่ใคร ๆ ก็นึกภาพออก แต่การมาของพวกเขาในหนังเรื่องนี้กลับถูกบดบังราศีตามความไม่สมเหตุสมผลของหนัง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่ม “เอม ภูมิภัทร” คนนี้คือรุ่นใหม่ที่มาแรงสุด ๆ เขายังคงมอบการแสดงที่ไม่ผิดหวัง เว็บดูหนังไทยออนไลน์ฟรี 24 ชั่วโมง เพียงแต่การมาอยู่ของเขาในหนังเรื่องนี้ออกจะผิดที่ผิดทาง และหนังทำให้เขาดูกลืนไปกับจอเลยเนรมิตรหนัง ฟิล์ม เสิร์ฟ ตัวอย่างเต็ม “แสงกระสือ 2” ก่อนฉายจริง 30 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์

ดังนั้นโดยสรุปแล้ว คงจะต้องบอกว่า แสงกระสือ 2 เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นจะต้องมีภาคต่อก็ได้ เพราะต้นฉบับก็ทำเอาไว้ค่อนข้างดีมาก เมื่อนำมาต่อเติมเสริมแต่งอีกในครั้งนี้ หลาย ๆ องค์ประกอบยังไม่สามารถฝ่าด่านไปได้ถึง โดยเฉพาะการเล่าเรื่องและขุดแก่นสารของหนังที่ยังค่อนข้างไร้น้ำหนักไปเสียหน่อย ปล่อยให้ผู้ชมนั่งดูอะไรที่แทบจะไม่ได้นับคำอธิบายที่จริงจัง ทิ้งเอาไว้ให้เต็มไปด้วยคำถามเยอะไปหมด ซ้ำแล้วบทสรุปยังทิ้งเอาไว้ด้วยความไม่เคลียร์ใด ๆ เลย

แต่เอาเข้าจริงจะเทียบตรงๆ ก็คงไม่ถูกนัก เพราะภาคแรกกับภาค 2 หนังมาคนละอารมณ์เลย ภาคแรกจะมีกลิ่นของแอคชั่นและเฮอเร่อที่เด่นชัดกว่า มันจึงเรียกอดรีนาลีนจากผู้ชมให้ลุ้นได้แทบจะตลอดเรื่อง แสงกระสือ 2 ก่อนจะตบท้ายด้วยไคลแมกซ์อันเป็นซีนแอคชั่นที่มีเรื่องให้ไฮป์มากมาย ผิดจากภาค 2 ที่ขอเดินคนละเวย์ชัดเจน ตัวหนังชูเรื่องของความรักระหว่างคนที่ถูกตราหน้าว่าแปลกประหลาดพร้อมแตกประเด็นไปถึงผลกระทบต่อคนรอบข้าง ซึ่งมันยากเกินกว่าแค่คำพูดว่ามักง่ายที่ว่า “ขอแค่เรามีกันและกันใครมันจะทำไม”

ดังนั้น แสงกระสือ 2 จึงมาเวย์ของหนังรักชัดเจน ซีนแอคชั่นน้อยกว่าภาคแรก ซีนหลอนน้อยกว่าภาคแรก มันไม่พยายามจะทำให้คนดูตื่นเต้นด้วยซ้ำแม้ในขณะที่กระสือกำลังถอดหัว เดินเรื่องโดยจังหวะที่ช้ามากๆ แต่ก็เปิดประเด็นใหม่ขึ้นมามากมาย ซึ่งมันคงไม่ได้ตะขิดตะขวงอะไร หากมันสามารถเคลียร์ตัวเองได้หมด ทว่าก็ไม่ใช่ และทั้งๆ ที่หนังก็ให้เวลา 2 ตัวเอกเยอะมาก แถมทั้งเจเจและนิ้งก็เล่นได้ดี ทว่ากลับยังซื้อผมได้ไม่เท่าไหร่ แต่ส่วนนี้ก็ค่อนข้างปัจเจก เพราะคนที่นั่งด้านหลังผมก็ดูจะอินไม่เบาแสงกระสือ 2 | เดลินิวส์

กระนั้นก็มีส่วนที่ผมชอบมากๆ คือการต่อยอดในการตีความด้านมอนสเตอร์และพลังประหลาด ที่ นอกจากจะเล่าต่อได้ดีแล้ว ยังทำหน้าที่ส่งต่อได้อย่างน่าสนใจ หากจะมีเวิร์สของตัวเองขึ้นมาก็น่าลุ้นน่าเชียร์อยู่ ขณะที่ดีไซน์ดูจะเปลี่ยนไปหน่อยๆ กระสือมีระยางค์ที่ชัดเจนขึ้นจนดูคล้ายปลาหมึกมากกว่าเดิม ส่วนกระหังเอาจริงๆ มีความน่ากลัวมากขึ้น ปรับให้ดูเป็นผีมากขึ้น แต่ผมว่าผมชอบกระหังทรงมอนสเตอร์ดุดันในภาคแรกมากกว่า

พอมาถึง ‘แสงกระสือ 2’ ซึ่งฉายห่างจากภาคแรกถึงสี่ปีเนรมิตรหนัง ฟิล์ม เสิร์ฟ ตัวอย่างเต็ม แสงกระสือ 2 ก่อนฉายจริง 30 มีนาคม ในโรงภาพยนตร์

มันก็ยังคงเป็นการตีความผีกระสือยุคใหม่ ดูหนัง แสงกระสือ 2 พร้อมเปลี่ยนมือทีมสร้างที่นำโดยค่ายคลื่นลูกใหม่ เนรมิตรหนัง ฟิล์ม จับมือกับพี่ใหญ่ ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม และได้ ดี้-ปภังกร ปุญจันทรักษ์ มากุมบังเหียนกำกับ เพื่อปลุกชีพกระสือในครั้งนี้

โดยภาคนี้เป็นเรื่องราวหลังจากที่น้อยหนีออกมาจากหมู่บ้านเดิม ก่อนจะเติบโตและพบรักครั้งใหม่ ซึ่งน้อยในวัยผู้ใหญ่รับบทโดย กฤษดา สุโกศล แคลปป์ หรือในชื่อที่เราคุ้นหูว่า น้อย วงพรู ซึ่งตัวละครน้อยในวัยผู้ใหญ่ยังคงมีเชื้อ ‘พิษกระสือ’ ที่ติดมาจากสาย ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย และมันถ่ายทอดสู่ สาว (นิ้ง-ชัญญา แม็คคลอรี่ย์) ลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของเขา ซึ่งน้อยต้องพึ่งพายาจาก บาทหลวงออกัสติน (โจ คัมมินส์) เพื่อกดอาการของลูกไม่ให้กลายร่างเป็นกระสือ ในขณะเดียวกัน สาวก็เริ่มผูกพันชอบพอกับลูกชายของบาทหลวงอย่าง คลาว หรือที่คนยุคนั้นออกเสียงแบบไทยๆ ว่า คล้าว (เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม) หนุ่มผิวเผือกผู้มีพลังพิเศษบางอย่าง เรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างคนชายขอบทั้งสองจึงบังเกิดขึ้น โดยหารู้ไม่ว่ามีอันตรายบางอย่างรออยู่ภายภาคหน้า

หลังรับชม ‘แสงกระสือ 2’ จบ เราถึงประมวลได้ว่า จริงๆ แล้ว ทั้งสองภาคนี้มีการเล่าเรื่อง เซตติ้ง และคอนเซปต์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และมีแค่การจับเอาตัวละครเก่าอย่างน้อยมาต่อยอดเท่านั้น ซึ่งแนวทางการพัฒนามาเป็นภาพยนตร์ภาคสองนี้ มีทั้งสิ่งที่ผู้เขียนชอบและไม่ชอบ ไล่เรียงดังต่อไปนี้

การตีความใหม่อีกครั้ง จาก ‘ผีไทย’ สู่ ‘มอนสเตอร์ไทย’

แม้หนังทั้งสองภาคจะมีจุดร่วมเหมือนกันในเรื่องของการสร้าง ‘ภาพจำใหม่’ ของผีกระสือ จากยายแก่สกปรก ให้กลายเป็นหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม และใช้การ ‘แตกเนื้อสาว’ จากเด็กหญิงสู่เด็กสาว มาเป็นจุดเปลี่ยนในการกลายร่างเป็นกระสือ

แต่เรื่องราวของกระสือในภาคแรก #แสงกระสือ2 ถูกตีความและบอกเล่าออกมาด้วยเลนส์ของการมองกระสือแบบ ‘ผีพื้นบ้าน’ มากกว่า โดยปรับดีไซน์ให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ ออกแบบให้หัวกับไส้มีรายละเอียดที่ ‘คลีนขึ้น’ แต่ก็ยังคงความรู้สึกเหนือธรรมชาติแบบภูตผีตามชนบท

ขณะที่ในภาคสอง ก็มีการพลิกโฉมใหม่อีกครั้ง โดยดีไซน์ไส้กระสือให้คล้ายหนวด ‘คราเคน’ ที่ให้ความรู้สึกไปทาง ‘มอนสเตอร์’ หรือสัตว์ประหลาดมากกว่าผี ซึ่งเกิดจากการที่ผู้กำกับตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับกระสือขึ้นมาว่า หากกระสือคือ ‘ปรสิตจากนอกโลก’ ที่ตกลงมาพร้อมกับอุกกาบาตเมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว จะเป็นอย่างไร?

เมื่อมองแบบนี้ กระสือจึงกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยร่างของผู้หญิงเป็นที่ฟักตัว และกลายร่างเป็นกระสือเมื่อโตเต็มที่ ซึ่งเราค่อนข้างชอบใจในความกล้าทดลองของผู้กำกับ ถึงจะมีผู้ชมบางคนที่รู้สึกว่า หน้าตาแบบนี้มันดูไม่เป็นกระสือเอาเสียเลย แต่หากอ้างอิงจากครั้งแรกที่มีการพูดถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘กระสือ’ ไว้ในเอกสารเก่า การลงรายละเอียดนิยามของกระสือมีเพียงแค่ ‘ดวงไฟ’ ที่ลอยได้ และอุปนิสัยการกินอาจมสกปรกเท่านั้น เรื่องหัว ไส้ หรืออวัยวะภายใน เป็นสิ่งที่ถูกเพิ่มเติมภายหลังจากจินตนาการของนักเขียนการ์ตูนผีสมัยก่อน และถูกนำมาผลิตซ้ำผ่านภาพยนตร์เรื่อยๆ จนเกิดเป็นภาพจำ

บอกเลยว่าในภาคนี้ตัวหนัง แสงกระสือ 2 ดูหนัง แสงกระสือ 2 เนี้ยค่อนข้างจะแตกต่างไปจากภาคแรกเยอะมาก ทั้งเรื่องของการเดินเรื่องหรือบทต่างๆของหนังครับ ตัวหนังพยายามทำให้เราอินกับเรื่องของความรักแบบสุดๆ แต่กลับไม่ค่อยได้ผลเท่าไรครับ เป็นเพราะการเดินเรื่องของหนังที่ค่อนข้างจะเอื่อยและมีฉากที่ไม่จำเป็นเยอะไปหน่อย ตรงเลยเลยทำให้คนดูรู้สึกเอียนและไม่อินไปบ้างครับ และอีกอย่างเราก็คงอยากรู้ที่มาที่ไปของกระสือ หรือแม้กระทั่งตัวละครของ เจเจ แต่ในหนังกลับไม่ได้เผยสิ่งต่างๆให้เรารู้มากขึ้นเลย รู้เท่าเดิมคือ กระหังต้องกินหัวใจกระสือ เพื่อมีชีวิตต่อแค่นั้นเองครับ

ส่วนของเจเจนั้นตัวหนังไม่ได้บอกอะไรเราเลย อาจจะบอกแค่ว่ามีพลังวิเศษแค่นั้นครับ และอีกสิ่งที่เพิ่มมาในภาคนี้นั้นก็คือเสียงกรีดร้องครับ คือกรีดร้องกันทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ ส่วนตัวก็ถือว่าพอรับได้ครับ ไม่ได้ดีและก็ไม่ได้แย่ ถ้าดูเอาสนุกก็คือตอบโจทย์ที่สุดครับ กับ แสงกระสือ 2

และสิ่งที่ชอบที่สุดของหนังเรื่องนี้ก็คงเป็นด้านนักแสดงครับ พี่น้อย ก็คือแบกสุดๆ พี่แกเล่นกับคาแรคเตอร์ได้โคตรดีเลยครับ ยิ่งมาเจอแกที่เล่นในบทที่ดราม่าหนักๆแบบนี้ คือเฉียบมากครับ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆก็ดีครับ แต่ส่วนตัวชอบพี่น้อยที่สุดในหนังเรื่องนี้ และอีกสิ่งที่ยังคงทำได้ดีในหนังนั้นก็คือมุมกล้องและบรรยากาศของหนังครับ ตรงนี้คือทำออกมาได้ดีมาก มุมกล้องสวยมาพร้อมกับบรรยากาศชวนหลอนแบบสุดๆ

ยอมรับเลยว่าครั้งแรกที่ได้ยินว่าหนึ่งในหนังมอนสเตอร์ไทยที่เคยทำเอาไว้ได้ดีมาก ๆ กำลังจะมีภาคใหม่ ที่เป็นการสานต่อเรื่องราวจากต้นฉบับที่จัดได้ว่าอยู่ในจักรวาลเดียวกัน กลับมาอีกครั้งใน ที่มากับคอนเซ็ปต์ของตำนานผีสาวที่คนไทยคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่มาผูกเข้ากับความรักที่มีความแตกต่างของสายพันธุ์ ที่เป็นทั้งรักที่ไม่น่าจะเป็นไปได้และรักที่แสนอันตรายระหว่างพวกเขา สำหรับในภาคนี้เล่าเรื่องราวหลังโศกนาฏกรรม “กระสือสายบ้านโคกอีนวล” ผ่านไป 22 ปี น้อย เลี้ยงดู สาว ลูกสาวที่ได้รับเชื้อกระสือ ทำให้ น้อยและ “บาทหลวงออกัสติน” ร่วมคิดค้นตัวยาที่สกัดจาก ว่านกระสือ เพื่อใช้ในการรักษา สาวได้พบกับ คล้าว โดยบังเอิญ บุตรบุญธรรมของบาทหลวงออกัสติน ที่มีความผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด ความรักของสาวและคล้าวค่อย ๆ ผลิบานพอ ๆ กับเชื้อร้ายในตัวของสาวที่เริ่มออกอาการมากขึ้นทุกวัน นักลงทุนชาวต่างชาติที่ต้องการตัวกระสือสาว พันธุ์ อดีตทหารรับจ้างจึงถูกจ้างมาเพื่อไล่ล่า สาวจะรอดพ้นเงื้อมมือของพันธุ์ได้หรือไม่

freecatholicsinchina

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *